วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เรื่องสั้นตอนที่ 8 : ช่างกลพัทยา


เรื่องสั้นตอนที่ 8 :  ช่างกลพัทยา

โดยเล็ก 207  วันที่  22.12.2555

 
ห่างหายกันไป 2 สัปดาห์  กล่าววาจาว่าจะไปทำหน้าที่ลูกที่ดีต่อบุพการี ก็ได้กระทำตามใจอยาก ปัจจุบันแม่ผมก็ยังคงนอนให้หมอรักษาตัวอยู่ในห้อง ไอซียู พร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจ และสายอะไรต่อมิอะไร เต็มตัวเต็มเตียงไปหมด อยู่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ผมจึงต้องวิ่งขึ้นลงกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดแบบไม่ได้พัก  กลางวันเร่งทำงานหาเงินเพื่อให้พอจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แพงระดับ คนเป็นตาย คนป่วยรอด เลยทีเดียว  แต่ก็เพราะเป็นบุพการีอันเป็นที่รัก จะตายซักกี่รอบก็คงยอมได้  ส่วนกลางคืนผมก็ต้องทำหน้าที่พยาบาลเฉพาะกิจนอนเฝ้าไข้แม่ที่โรงพยาบาลนั่นเลย   ระยะหลังแม่ผมย้ายจากห้องผู้ป่วยพิเศษมาเข้าห้องไอซียู  ทำให้นอนเฝ้าไข้ไม่ได้ ก็อาศัยจังหวะนี้ได้นอนพักผ่อนเอาแรง เพื่อรอวันแม่ย้ายมาห้องปกติจะได้เฝ้าไข้กันต่อจนหาย

 
วันที่ผมเขียนเรื่องสั้นตอนที่ 8 วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2555  วันนี้ช่วงสายๆ ผมมีภารกิจต้องไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์ ย่านลาดกระบัง ก็บังเอิญได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่บุรณพนธ์  เพื่อนคนนี้เรียนรอบเช้า ในขณะที่ผมเองเรียนรอบค่ำ และเข้าใจว่าเพื่อนผมคนนี้น่าจะเรียนรุ่นหลังผมซัก 1-2 ปี แต่ก็ทันรุ่นกัน และก็นับไปเพื่อนที่คุ้นเคยกันในระดับเจอหน้าก็กอดกันได้โดยไม่เก้อเขิน  เพื่อนคนนี้ เมื่อสมัยเรียน ใส่เสื้อฟ้ารอบเช้า กางเกงยีนส์ลีวาย 501 เข้ม  ตัวเล็ก  มีรอยยิ้มเสมอเมื่อเจอหน้ากันทั้งที่ซอยลาดพร้าว 38 และที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อนผมคนนี้เรียนรุ่นราวคราวกันกับ พวกเอกหล่อ หมอชิต จิม อะไรประมาณนี้ 

 เพื่อนผมคนนี้ชื่อ ไอ้ลาวในสมัยเรียนพวกเราเรียกกันแบบนั้น

 ผมดีใจที่ เพื่อนลาว ยังจำผมได้ และทักทายกัน เราคุยกันสักพักพอให้หายคิดถึง เพื่อนลาว บอกผมว่าปัจจุบันหาเลี้ยงชีพโดยการประมูลของจากกรมศุลกากร และโฆษณาขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต  รวมถึงการรับเป็นนายหน้าพระเครื่อง จัดหา-และปล่อยออกอีกด้วย  ก็เป็นอาชีพทางเลือกที่ดูอิสระไม่เลวทีเดียว

เพื่อนลาวได้เล่าถึงเมื่อวันที่จบการศึกษาจากบุรณพนธ์และต้องไปศึกษาต่อที่มหาลัยศรีปทุมฯ ย่านบางเขน   เพื่อนลาวของผม เล่าอย่างออกรสออกชาดเกี่ยวกับบรรยากาศที่ ม.ศรีปทุม  ว่า ได้กลายเป็นสถาบันที่รองรับเด็กอาชีวะชื่อดังทั้งหลายในยุคนั้น ให้มารวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น บุรณพนธ์ กนกอาชีวะ ก่อสร้างอินทร และสถาบันอื่นๆ

เพื่อนลาวเล่าต่อ.....เพื่อนต่างสถาบันที่อดีตเคยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน ไม่ว่าจะเป็น  ดา-อินทร,  ต้น-อินทร,  บอย-กนก,  วิทย์-กนก ฯลฯ  ทุกคนล้วนแล้วแต่มาเจอกันที่ศรีปทุมทั้งสิ้น  สิ่งที่บาดหมางกันมาในอดีตก็มลายหายไปหมด ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ฟังถึงตรงนี้ผมก็ดีใจ  และก็ได้ต่อสายถึงแมงวันแม่กลอง ให้ได้คุยกันกับเพื่อนลาว ของผม    

เล่าถึงตรงนี้ผมก็ขออธิบายความเชื่อมโยงกันของสังคมบุรณพนธ์ให้ท่านที่ไม่คุ้นเคยได้ทำความเข้าใจกันก่อน  จริงๆแล้ว ทั้งผม ทั้งแมงวันแม่กลอง และทีมเพื่อน 207 ค่ำ นั้น  เมื่อตอนเรียนพวกเราก็เรียกว่าไม่ค่อยจะสนิทกับรอบเช้าซักเท่าไหร่ เพราะด้วยเวลาเรียนที่แตกต่างกัน  และสถานที่ๆที่ใช้มั่วสุมกันก็อยู่กันคนละที่  แต่ก็ด้วยความเป็นบุรณพนธ์ ที่ยึดโยงพวกเราเอาไว้ ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้  และเมื่อถึงวันที่รอบเช้าซึ่งไม่ว่าเป็น เพื่อนลาว เอกหล่อ เอกโล้น หรือใครก็แล้วแต่ ต้องการความช่วยเหลือจาก พวกเราชาว 207 ค่ำ พวกเราก็ไม่เคยตอบปฏิเสธเลย แม้แต่ครั้งเดียว  พวกเราทั้งหมดจึงมีโอกาสได้พบปะ พูดคุยและทำความรู้จักกัน ก็ตามการออกงาน ในสถานที่ต่างๆ นี่ล่ะครับ   แต่ไม่เคยได้เจอหน้ากันที่โรงเรียนเลย  นั่นก็เป็นเรื่องที่แปลกแต่เป็นความจริง!

การห่างหายจากแป้นคีย์บอร์ดไปนาน ทำเอาผมนึกเรื่องที่จะเล่าไม่ออกเหมือนกัน   ดีที่ได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนก่อนที่จะเกิดกรณีที่ต้องพาแม่เข้าโรงพยาบาลแล้วว่าจะเล่าเรื่อง พัทยา  ก็เลยถือโอกาสนี้ เล่าอะไรเล็กน้อย เกี่ยวกับพัทยาให้ฟังกัน

และถ้า ม.ศรีปทุม ที่เพื่อนลาวของผมได้เล่าให้ฟังในตอนต้น คือแหล่งรวมของนักเรียนช่างชื่อดังในยุคนั้นแล้วไซร้  ผมก็ต้องขอบอกว่า พัทยาก็คือแหล่งรวมของนักเรียนช่างชื่อดังในทุกยุค ที่หมดโอกาสได้เรียนต่อในสายอาชีพตามที่เด็กช่างปกติทั่วไปควรจะได้เป็นเช่นกัน......

คืนวันลอยกระทงที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับคืนวันที่ 28 พฤศจิกายน สำหรับคนที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ คงมีกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกกัน  วัดไหนที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับคู คลอง หรือแม่น้ำ ก็จะมีคนไปลอยกระทงกันมากหน่อย  ส่วนผมเมื่อมาทำมาหากินที่พัทยาแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากซื้อกระทง เดินลงทะเลไป ใส่เงินลงในกระทงซัก 5 บาท พอให้เด็กที่รออยู่ไม่ห่างจากจุดที่ลอยได้เอาไปกินขนมกัน ก็ถือเป็นการให้ทานอีกประเภทหนึ่ง รวมทั้งยังเป็นการขอขมาลาโทษต่อพระแม่คงคา ผู้เป็นดั่งแม่พระผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลาย และเป็นดั่งสายเลือดเส้นใหญ่หล่อเลี้ยงมวลหมู่เรามาจนถึงทุกวันนี้

เสร็จจากลอยกระทง ผมถือโอกาสเดินตรงเข้าถนนคนเดิน หรือ Walking Street ในพัทยาใต้ ที่สองข้างเต็มไปด้วยบาร์โชว์มากมาย แต่ละที่ก็ประดับประดาไปด้วยกระทงใบใหญ่ที่ผ่านการประกวดมาแล้วในช่วงกลางวัน  บรรดากระเทย กระเทียม สาวแท้ สาวเทียม ทั้งหลาย ก็จัดชุดใหญ่ เต็มรูปแบบ เพื่อเรียกความสนใจ จากบรรดาแขกชาวต่างชาติที่เดินเบียดเสียดกันจนแน่นถนน    พัทยาวันนี้.....สาวรัสเซีย สาวยุโรปตะวันออก เป็นนางโชว์เต็มสองฝั่งถนน  สาวยุโรป ขายาว หน้าเหมือนตุ๊กตา ใส่จีสตริง เต้นรูดเสาโชว์ โชว์เร่าร้อน ทำเอาสาวไทยถูกเบียดเกือบตกขอบเวทีแล้วในปัจจุบัน  หากินกันยากมากขึ้น  มาเฟียจากเกาหลีใต้  จากอิตาลี  จากรัสเซีย จากเยอรมัน เข้ามาแผ่อิทธิพลในย่านนี้มากขี้นพอสมควร โดยเฉพาะพวกอิตาเลียน  มาเช่ากันเป็นหมู่บ้านเลย  ยกทั้งหมู่บ้านเลย เป็นชุมชนชาวอิตาเลียนเลย และแสบทุกตัวเลยครับพวกนี้

ส่วนตัวผมเอง ผมคลุกคลีอยู่กับพวกดัตช์ หรือในอดีต คือพวกฮอลันดา  คนพวกนี้เปรียบเสมือนคนจีนในฝั่งยุโรป ค้าขายเก่งเป็นอันดับต้นๆของโลก  ในสมองคนพวกนี้ ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในการทำธุรกิจ  ขายได้ตั้งแต่คนเป็นยันคนตาย  ข้อแม้เดียวของพวกดัตช์คืออย่าทำตัวหมดประโยชน์  เพราะถ้าเมื่อใดหมดประโยชน์  ก็เตรียมตัวหาโลงใส่ตัวเองไว้ได้เลย

ในชีวิตผมโดนพวกดัตช์หลอกใช้มาก็หลายหน แต่ก็สั่งสอนพวกดัตช์มานับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกัน อย่างที่ว่าไว้ ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ในการทำธุรกิจ แม้จะซ่อนปืนไว้ข้างหลังคนละกระบอก แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มหลอกล่อกันอยู่ร่ำไป เมื่อใดหมดประโยชน์ต่อกันก็พิสูจน์กันว่าใครจะปืนไวกว่า ชีวิตก็แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีวิตของเรายังคงโลดแล่นอยู่ในเมืองที่ไม่เคยหลับไหลอย่าง พัทยา   ปัญหาอยู่ที่ว่า ผมก็ยังคงวนเวียนและไม่เคยหลุดพ้นวงโคจรนี้ซักที  

คืนวันลอยกระทงคืนนั้น ผมเดินตั้งแต่พัทยาเหนือยันพัทยาใต้ ย้อนไปย้อนมา เพื่อดูความเป็นไปของ พัทยา ดูความเป็นไปของผับบาร์ต่างๆ ดูความเป็นไปของสาวบาร์ทั้งหลาย  ดูความเป็นไปของผู้คนที่เดินเข้ามาและจากไป อยู่อย่างนั้น ไม่เคยหยุดนิ่ง  ผมเห็นมือดีมากมายหลายคนที่เคยตามหลังนักการเมือง พอเมื่อปลดระวาง ก็มาคุมผับบาร์ย่านนี้หลายคน  เช่นเดียวกัน ผมเห็นเด็กรุ่นใหม่ๆที่กำลังโต ก็กระโดดเข้ามาสู่แวดวงสีเทานี้ ไม่เว้นแต่ละวัน  ไล่ตั้งแต่เด็กรับรถ เด็กเสิร์ฟ กัปตัน คนคุมบาร์ เด็กเดินยา ไปจนถึงนักเลงคุมบ่อน  คนมีประสบการณ์อย่างผม ทำได้แค่ประคองตัว ให้รอดพ้นจากภัยรอบด้าน และมีชีวิตอยู่อย่างในปัจจุบันนี้ ก็ต้องถือว่าบุญโขแล้ว

ในช่วงที่ผมลงทุนเปิดบาร์เอง ไม่เคยมีซักคืนเลยที่ผมจะนอนหลับโดยไม่ต้องสะดุ้งตื่น  ปัญหาสารพันตั้งแต่ โคโยตี้ตบกับดีเจ  แขกแย่งเด็กกัน แขกติดเด็กแต่เด็กไม่เล่นด้วย ร้านคู่แข่งส่งมือปืนเข้ามายิงขู่  นาย(ตำรวจ)โชว์บารมี และอีกสารพัดฯลฯ

คนที่ไม่เคยเข้ามาทำธุรกิจจริงจังในพัทยาอาจจะไม่เข้าใจ เมื่อใดที่คุณคิดจะก้าวเข้ามาที่นี่ ประตูสวรรค์จะเปิดรับคุณทันที แต่พอผ่านไปซักพักคุณจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ว่าประตูสวรรค์ที่คุณเห็นในตอนแรก มันอาจไม่จริงและไม่ใช่อย่างที่คุณเห็น  ที่นี่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคุณคุมตัวเองและคุมสถานการณ์รอบข้างไม่ได้  แม้แต่ขี้ยา ตัวเล็กๆ คนนึงก็สามารถฆ่าคุณได้สบายๆ โดยแทบจะไม่มีคนสนใจคุณเลย ทำได้แค่เป็นข่าวแล้วก็จางหายไป  แต่สิ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้ก็คือ ไอ้ขี้ยาคนนั้น ไม่ได้ฆ่าคุณหรอก  แต่พัทยาต่างหาก ที่ฆ่าคุณตั้งแต่แรกพบแล้ว   

เมื่อตอนต้นปี ผมเคยส่งเพื่อนรักของผม อย่าง แมงวันแม่กลอง ให้มาอยู่ที่นี่ที่พัทยา  ผมขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนรักของผม มาร่วมบุกเบิกธุรกิจที่นี่ด้วยกัน  แต่แม้ท้ายที่สุดแล้วเพื่อนผมเลือกที่จะขอไปอยู่ที่ นครสวรรค์ ก็ตามที   ผมก็ยังคงได้รับอานิสงค์จากการคุยงานกับเพื่อนรักของผมอยู่พอสมควร  และมันทำให้ผมยังยืนอยู่บนเวทีนี้ได้ อยู่ได้จนทุกวันนี้    

เมื่อตอนเช้า ผมได้เล่าเรื่องงานของผมเฉพาะเรื่องที่พอจะเล่าได้ให้เพื่อนลาวที่ผมเจอในวันนี้ฟัง  เพื่อนลาวของผมก็ให้ข้อคิดเห็นว่า เงินที่ไม่บริสุทธิ์ของผมอาจส่งผลต่ออาการป่วยของแม่ผม  และแม้ผมจะไม่เชื่อว่านั่นเป็นสาเหตุหลัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผม ยังคงติดกับดักคำพูดของเพื่อนผม และนำมาคิดซ้ำอยู่หลายครั้งแม้กระทั่งในขณะนี้

อ้อ...ผมเพิ่งนึกได้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้ดูข่าวทางทีวี เกี่ยวกับกรณีนักเรียนอาชีวะ ทั้งที่ยกพวกตีกัน และทั้งที่ยิงกันตายในหลายกรณี และทุกๆครั้งที่เมื่อมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น จะที่ไหนก็แล้วแต่ ผมก็มักจะได้รับคำถามจากคนรอบข้างอยู่เสมอ และมักจะได้รับการประชดประชันประหนึ่งว่าเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดที่ผมต้องร่วมรับผิดชอบด้วย  บ้างก็ถามหาความรับผิดชอบว่า ผมจะแก้ปัญหาเด็กตีกันอย่างไร  ซึ่งผมก็เพิ่งจะเข้าใจว่าผมนั้นจำเป็นจะต้องร่วมรับผิดชอบต่อทุกๆเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องด้วยเด็กอาชีวะตีกัน  นั่นเพียงเพราะผมเคยเรียนอาชีวะมาก่อนเท่านั้นเอง

ก็ไม่แปลกที่คนรอบข้างผมจะพากันคิดแบบนั้น  และผมก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆไปห้ามไม่ให้พวกเค้าคิด   และเช่นเดียวกัน ผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้เด็กตีกัน และผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้เด็กยิงกัน   หรือแม้แต่ตัวผมเองเมื่อวันที่ยังเรียนอาชีวะ แม้ พ่อ-แม่ ของผมจะห้ามปรามอยู่ทุกวัน  ผมก็ยังไม่เคยฟังท่านเลย และไม่เคยคิดจะฟังใครทั้งสิ้น นอกจากตัวเองและเพื่อนเท่านั้น   ก็ช่วงชีวิตวัยรุ่น โดยเฉพาะชีวิตวัยรุ่นที่เลือกเดินเส้นทางสายอาชีวะมันเป็นของมันแบบนั้น และก็จะยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป  ต่างกันก็แต่ยุคสมัยเท่านั้น   จนเมื่อวันนึงคือวันที่พวกเค้าทั้งหลายผ่านพ้นวัยมาแล้ว  พวกเค้าจะคิดได้เอง  แต่สำหรับพวกที่ไม่สามารถผ่านช่วงชีวิตนั้นมาได้ ผมก็ทำได้แค่แสดงความเสียใจเท่านั้น 

และสำหรับน้องๆที่ผ่านช่วงวัยอันตรายมาได้ แบบมีชนักติดหลัง ก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ หรือหันไปพึ่งพายาเสพติดแต่อย่างใด  เพราะนั่นไม่ใช่วันอวสานของโลกซักหน่อย  ตรงกันข้ามให้ภูมิใจได้เลยว่าครั้งหนึ่งเคยผ่านสมรภูมิชีวิตอาชีวะอันมีค่ามาแล้ว  ประสบการชีวิตที่ไม่สามารถหาเรียนได้ในห้องเรียนไหนๆ ประสบการพวกนี้ เหล่าหนอนหนังสือไม่มีวันจะได้สัมผัส   และก็ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่มีสถาบันไหนรับเข้าเรียนต่อ  หรือแม้แต่จะไม่มีบริษัทไหนรับเข้าทำงานก็ไม่ต้องกังวล  

ผมอยากให้ลองพิจารณา สถาบันนี้ดู เท่าที่ผมได้เห็นและได้เข้ามาสัมผัส  ก็ดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก  ที่นี่มีหลายสายวิชาให้ได้ศึกษา และเรียนรู้   ทั้งยังมีหลายอาชีพ  หลายสายงาน ให้ได้ทดลองทำพร้อมกับค่าตอบแทนที่ดี   อีกทั้ง ที่นี่ยังมีหลากหลายประสบการณ์ที่รอให้คนมาสัมผัส และค้นพบ  และที่สำคัญ ที่นี่ยังคงมีอีกหลากหลายคำถามและหลากหลายความเป็นจริงในชีวิตที่ยังคงรอให้คนอย่างเรามาค้นหาคำตอบ ที่นี่ ที่ผมเรียกมันว่า 

ช่างกลพัทยา  

 
สำหรับวันนี้ ที่นี่....สวัสดี

จากใจ

เล็ก 207

 

*************************************************************************************************************************

ขอขอบคุณ เพื่อนลาวบุรณพนธ์  ที่ยังจำผมได้และทักทายกัน จนทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการกลับมาเขียนบทความ/เรื่องสั้น ให้พวกเราได้อ่านกันต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น