วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องสั้นตอนที่ 7 : ของขลัง


เรื่องสั้นตอนที่ 7 :  ของขลัง
โดยเล็ก 207  วันที่  23.11.2555

 
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผมพอมีเวลาว่าง ก็เลยได้ตระเวนไปไหว้พระเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว  เดิมทีก็ตั้งใจจะไปกราบพระดังๆให้สมอยากทั้งสัปดาห์เลย  แต่ก็ดันมีอันต้องเปลี่ยนแผนเอานาทีสุดท้าย เพราะติดงานขึ้นมาซะอีก  สรุปก็เลยไปมาได้ 2 วัด  วัดแรกที่ไปก็เป็นวัดดอนหวาย ที่นครปฐม  ซึ่งในวัดนี้ก็จะมีตลาดดอนหวาย ตั้งอยู่ภายในด้วย ที่ตลาดมีขายทั้งพืช ผัก ผลไม้ ของฝาก แถมมีร้านอาหารติดแม่น้ำนครชัยศรีด้วย  ที่ร้านนี้ผมพารอบครัวไปนั่งทานอาหารเที่ยงกันพร้อมดูฝูงปลาสวายตัวโตๆ ที่อาศัยกันอยู่จนแน่นพื้นที่ จนแทบจะต้องแหวกหัวปลาเพื่อโยนขนมปังให้กินกันเลย   อ้อ..เกือบลืมไป ก่อนที่ผมจะเดินทางไปถึงวัดดอนหวาย ผมก็ได้แวะไปหาคุณต้น เซียนพระย่านเพชรเกษม เพื่อขอบูชา พระพญาเหล็กไหล พิมพ์หลวงพ่อหวล นั่งสมาธิลอยองค์ วัดพุทไธศวรรย์ ด้วย  ซึ่งก็ว่ากันว่า หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์ ท่านเรียนวิชาตัดเหล็กไหล มาจากศิษย์สาย หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ โดยท่านจะนำหุ่นขี้ผึ้ง รูปพระและรูปแบบอื่นๆไปทำพิธีเรียกเหล็กไหลตามถ้ำและขออนุญาตกับเทพยดาผู้รักษาเหล็กไหลนั้นๆ ว่าจะนำมาเพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา โดยมอบให้กับผู้ที่ทำบุญบูรณะวัดกับท่าน

โดยเหล็กไหลหรือที่ท่านให้เรียกว่า พญาเหล็ก นั้นจะมี 3 วรรณะ(สี) ตามประเภทขององค์เทพที่ปกปักรักษา คือ

1.สีเงินยวง เด่นด้านเมตตา มหานิยม เจริญรุ่งเรืองในชีวิต
2.สีปีกแมลงทับ(เจ้าน้ำเงิน) เด่นด้านมหาอำนาจ บารมี คงกะพัน มหาอุตม์
3.สีทอง (ท้องปลาไหล) เด่นด้านเงินทอง โชคลาภ โดยสีทองนี้จะมีน้อยสุดในการเรียกแต่ละครั้งครับ

องค์ที่ผมขอบูชาต่อมาจากเซียนต้น นั้นสีปีกแมลงทับครับและก็โชคดีที่พระองค์ที่ผมเช่าต่อมานั้น มีสีทองท้องปลาไหลเกิดขึ้นที่ด้านล่างขององค์พระด้วย ก็นับว่าโชคดีมากๆครับ

ส่วนวัดที่สองที่ผมได้มีโอกาสแวะไปสักการะคือ วัดศรีษะทอง วัดที่คนทั่วไปนิยมนำของดำ 8 ชนิด ไปไหว้เพื่อแก้ปีชงนั่นล่ะครับ  วัดนี้เด่นที่การสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปราหูอมจันทร์ครับ ก็เป็นการถือเคล็ดตามตำนานประวัติของราหูที่เป็นอมตะไม่รู้จักตาย ก็เนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป ส่วนวัสดุที่จะนำมาใช้สร้างวัตถุมงคล ตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็น กะลามะพร้าวตาเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้ากะลามะพร้าวตาเดียวนั้นถือว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีฤทธิ์อยู่ในตัว แม้ไม่ปลุกเสกก็มีความศักดิ์สิทธิ์ และผมก็ไม่พลาดที่จะบูชากลับมาเก็บไว้ เก็บไว้ทั้งคุ้มครอง แก้เคล็ด และทั้งเพื่อเอาไว้กะเก็งอนาคตซักหน่อย แค่ 7-8 องค์เท่านั้นล่ะครับ ตามกำลังทรัพย์

ส่วนวัดที่ผมพลาดไปในสัปดาห์นี้ ก็มีวัดเขาดิน  วัดหนองกรับ วัดละหารไล่ และวัดละหารใหญ่ ครับ ก็ไม่เป็นไร เอาไว้โอกาสต่อไปเมื่อได้ไปสักการะ จะเอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ

และที่เห็นผมเข้าวัดไปกราบพระ เข้าวัดโน้นออกวัดนี้ นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะปลงตก ละสิ้นกิเลสแล้ว หรือหาทำเลเพื่อบวชเรียนอะไรหรอกนะครับ  ซักวันนึงคงจะใช่แต่ยังไม่ถึงเวลานั้น  แต่ท่านต้องเข้าใจก่อนว่า นักเลงสมัยก่อน ทั้งรุ่นผม หรือก่อนหน้าผม รุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ฯลฯ นักเลงทุกรุ่น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งของดีติดตัวเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้น  เอาไว้ป้องกันภยันตรายใดๆอันอาจเกิดขึ้นได้จากการดำเนินชีวิต ที่ค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยง ลูกปืน ลูกกระสุน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แม้แต่ในปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเมื่อก่อน แถมยิ่งต้องระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำไป เพราะสังขารผมไม่เหมือนก่อนแล้ว

ในสมัยเรียน ผมแอบเอา สมเด็จพุฒาจารย์โต ของคุณพ่อ ขึ้นคอ อยู่เป็นประจำ และก็มีประสบการณ์มากมายให้จดจำ  และผมก็เคยได้แชร์ประสบการณ์ให้ท่านทราบไปบ้างแล้วในตอนก่อนๆ  อย่างเช่น เรื่องที่เคยเล่าเอาไว้แล้ว ตอนช่วงที่ผมเริ่มหัดเป็นนักเรียนนักเลงใหม่ๆ  ก็ได้ตั้งแก๊งค์ โจรสลัดลาดพร้าว ขึ้นเพื่อก่อเหตุวิวาทและเกินเลยไปจนถึง ฉกชิงวิ่งราว  จี้ปล้น เอาทรัพย์สินจากชาวบ้านเค้า ทั้งนักเรียนอาชีวะด้วยกันเองไปจนถึงกลุ่มคนทำงาน    จนกระทั่งเมื่อผมข้ามฟากจากค่ายมีนบุรี ไปยังค่ายใหม่ที่บางนาแล้ว ผมก็ยังดำเนินชีวิตแบบเดิมอีก แถมจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำไป แต่จนแล้วจนรอดผมก็แคล้วคลาด จากการนอนคุก นอนตะราง และแคล้วคลาดจากลูกกระสุนปืน ก็ด้วย สมเด็จฯท่านนี่ล่ะครับ

และถ้าไม่นับประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ  และประสบการณ์ตีรันฟันแทงรายวัน  ประสบการณ์ที่รอดจากการโดนยิงถล่มที่ตลาดแฮปปี้แลนด์  รวมถึงประสบการณ์ที่รอดจากคมมีดที่ร้านข้าวมันไก่ที่ย่านลาดพร้าวแล้ว ประสบการณ์ของสมเด็จโต ที่ผมได้เห็นเจ๋งๆเลย ก็คือวันที่ผมวิ่งหนีตำรวจกับทหาร จากกรณีการจี้สร้อยทอง เด็กช่างหน้าหมอชิต และก็วิ่งหนีไปจน จนตรอก แล้ว รอเพียงการใส่กุญแจมือเท่านั้น ก็ปรากฏว่า ทั้งตำรวจทั้งทหาร มองไม่เห็นผม ทั้งๆที่ผมก็ยืนอยู่ที่เดิม และยืนอยู่คนเดียวซะด้วย เหลือเชื่อมั๊ยล่ะครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ดวงโจรจริงๆผม

ส่วนเพื่อนๆของผม หลายคนก็มีของดีติดตัวด้วยกันทั้งนั้น  แต่ผมจะคุ้นเคยและมีโอกาสได้เห็นของดี ก็เฉพาะของเพื่อน ที่สนิทๆกันเท่านั้น  ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งค์ที่อยู่บ้านห่างกันออกไปอันนี้ผมก็ไม่เคยได้ถามไถ่ว่ามีของดีอะไรติดตัวกันบ้าง  เอาไว้ให้พวกเพื่อนซี้ผมทั้งหลาย ทั้ง โอ๋129”  ฟุ้ง129  เคเล็ก207 ปาน129 เจ้าชายกบ207 และ บังราม8  มาเล่าต่อกันเองนะครับ  ผมขอเล่าเฉพาะคนที่ผมมีโอกาสได้เห็นและคลุกคลีกันอยู่ทุกวัน อย่าง เก่งดำเนิน และ แมงวันแม่กลอง นะครับ ก็เนื่องจากข้อมูลแม่น จำได้ และง่ายแก่การเล่า

โดย เก่งดำเนิน ตอนเรียนอยู่ด้วยกัน เก่งดำเนินห้อย พระหลวงพ่อเขาแดง และประสบการณ์ส่วนใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ร่วมที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับผมและเพื่อนๆในกลุ่ม 207 ค่ำ  ตามที่เคยได้เล่ามาแล้วทั้งสิ้น   แต่จะมีที่เพิ่มเติมออกมาโดยที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย  ก็วันที่ โจ้ตะวันรุ่ง  เก่งดำเนิน และแมงวันแม่กลอง กำลังจะเดินทางไปขึ้นศาลที่ตั้งอยู่ย่านสนามหลวง ในคดีที่เจ้าชายกบ เลาะหนังหน้าคู่กรณีที่ตลาดแฮปปี้แลนด์ล่ะครับ  เป็นช่วงเช้าวันจันทร์ ที่บรรดาBU207ค่ำ  เพื่อนทั้ง3คนของผมเดินออกจากซอยลาดพร้าว 38 เพื่อจะขึ้นรถเมล์ไปสนามหลวง....

ระหว่างเดินออกจากซอย ก็ปรากฏว่า เพื่อนต่างสถาบันแต่พักอาศัยอยู่ใกล้กันอย่างอินทรซอยลาดพร้าว 42 บ้านไกล้เรือนเคียงกัน โหนรถเมล์ผ่านมาพอดี ก็จ๊ะกันพอดี เพื่อนอินทรของผมก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ควักปืนจ่อยิงทันที ก็ปรากฏว่าบรรดาเพื่อนๆของผมโดนก็ไป 2 แชะ ครับ ดัง แชะ แชะ  ก็ต้องบอกว่าโชคดีครับ  เพราะถ้าวันนั้นไม่แชะ แต่เป็น โป้ง โป้ง แทน นี่กะโหลกกระจุยแน่ครับ เพราะระยะมันใกล้มากยิงไม่น่าพลาด  แต่ก็ว่าไปแล้ว งานนี้ก็สามารถมองกันได้ทั้ง2แบบนะครับ  ถ้าในมุมของผู้ถูกยิงอย่างกลุ่มเพื่อนผม ก็ต้องบอกว่า ได้ของดีช่วย ปืนถึงยิงไม่ออก ตั้ง 2 ครั้ง (หรืออาจจะมากกว่านั้นแต่พวกเค้าไม่ได้ยิน)  หรือถ้าจะมองให้เป็นวิทยาศาสตร์หน่อยก็เป็นไปได้ว่า เพื่อนอินทรซอย 42 อาจจะไม่ได้ใส่กระสุน แค่ยิงขู่เท่านั้น เหมือนหยอกกันเล่น เพราะต้องบอกกันก่อน ว่า ทั้ง BU207 ค่ำ และ อินทรซอย 42 นั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่ 2 ซอยเท่านั้นเองครับ และโคจรมาเจอกันบ้างถ้าเราตื่นเช้า  แต่ก็ไม่เคยเลย ที่จะมีใครบาดเจ็บในการเจอกันแต่ละครั้ง ย้ำเลยนะครับ ไม่มีใครบาดเจ็บเลยในการเจอกันแต่ละครั้ง  เว้นแต่วันที่อินทร รวมกันมา ที่ตลาดแฮปปี้แลนด์ อันนี้ผมและเพื่อนโดนยิงจริงครับ และน่าจะโดนกันหมดแม็กซ์เลยเพราะหนีไม่ทันครับ เดี๋ยวค่อยวกกลับมาเรื่องนี้ต่อ ตอนนี้เอาเป็นกรณีๆไปก่อน  สรุปว่า เป็นไปได้ว่า วันนั้น

1.เพื่อนอินทรซอย42 อาจจะไม่ได้บรรจุกระสุน หรือ

2.เป็นไปได้ว่ากระสุนอาจจะชื้น กอปรกับเป็นปืนไทยประดิษฐ์จึงเกิดการดพลาดได้ หรือไม่ก็

3.ตามที่เพื่อนผมว่า ได้ของดีคุ้มครอง  อันนี้ทิ้งไว้ให้ท่านทั้งหลาย เป็นผู้ตัดสิน

ส่วน แมงวันแม่กลอง นั้นห้อย หลวงพ่อคงวัดบางกะพ้อมครับ ประสบการณ์เดียวกันเลยครับ ทุกเหตุการณ์  แต่เหตุการณ์ที่แมงวันแม่กลองเพื่อนผม จดจำได้ดีและเชื่อว่าเป็นประสบการณ์ของครูบาอาจารย์คุ้มครอง ก็มีสองสามเหตุการณ์ครับ ทั้งที่ร้านข้าวมันไก่ รวมถึงที่พวกเราโดนยิงหมดแม็กซ์ที่ตลาดแฮปปี้แลนด์  ซึ่งจะว่าไปก็เหลือเชื่อครับ  เพื่อนอินทร ที่เป็นคนลงมือยิงวันนั้นก็น่าจะคิดเช่นเดียวกัน ถ้าในวันนี้ได้รู้ว่าวันนั้นมือยิง ได้โอกาสยิงเต็มที่ แต่กลับไม่โดนใครเลยทั้งที่มันห่างกันไม่ถึง 10 เมตร และที่สำคัญ กลุ่มผมที่ยืนเป็นเป้ากระสุนนั้น มีตั้ง 5 คน ซึ่งน่าจะมีซักคนที่โดน  ทั้งแพ็ทบูรณ์   ป้อ101  เก่งดำเนิน  แมงวันแม่กลอง และผม เล็ก 207  ในขณะที่รถกระบะ Mitsubishi สีแดงของชาวบ้านแถวนั้น จอดอยู่ด้านหลังโดนกระสุนเต็มๆทุกนัด รูกระสุนเจาะเต็มคันเลย  

จะว่าไปแล้วเหตุการณ์นี้ก็ประหลาดดีครับ  จนท้ายที่สุดตำรวจ สน.ลาดพร้าว ก็มา  ส่วนคนยิงวิ่งหนีไปได้  แต่ตำรวจก็ตามล็อคเด็กอินทรมาได้ 1 คน จากการช่วยเหลือของคิวรถเมล์ 207 และจับเอาผม แมงวันแม่กลอง และ BU207 อีกคน ไม่แน่ใจว่าใคร ใช่ เคเล็กหรือเปล่าผมจำไม่ได้ ขึ้นหลังกระบะไปด้วย  ทีนี้เพื่อนอินทรของผมก็แย่น่ะซิครับ  โดน แมงวัน207 ตะคอกใส่จนหน้าเสียเลย มึงยิงกูเหรอ?” พร้อมถอดรองเท้าตบหน้าไปหลายที  เพื่อนอินทร ก็ปฏิเสธตลอดว่า เปล่าครับพี่ ผมเปล่ายิง ไอ้ผมก็ได้แต่นั่งขำ ไม่ได้โกรธอะไรเพื่อนต่างสถาบันหรอกครับ เพราะที่ 207 เราเจอคนทยอยมาลองของกันทุกวัน จนชินแล้ว   สนุกซะอีก ถือเป็นประสบการณ์  แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปวันนั้น  ตอนนั่งอยู่หลังกระบะรถตำรวจ  เมื่อตำรวจจับพวกเรามานั่งด้วยกัน  ทั้งเด็กอินทรคนนั้นและกลุ่ม BU207   นั่งกันแบบหน้าชนหน้า  หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Face-to-Face นี่  บุรณพนธ์ของเราดูเถื่อนกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยครับ(ฮา)   

ก็จัดว่าเป็นประสบการณ์คลาดแคล้วที่สนุกไม่เบาครับ  เร้าใจดี แต่ท้ายที่สุด หลวงพ่อคงวัดบางกระพ้อมของแมงวันแม่กลอง ก็เป็นอันหมดหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุชุลมุนที่ลาดพร้าว ซอย 1!

ที่ลาดพร้าวซอย 1 ระหว่างที่พวกเราโหนรถกลับออกมาจากเซ็นทรัล  กะว่าจะกลับไปพี๊เนื้อในซอยลาดพร้าว 38 ต่อ  เพราะในวันนั้นเรามีแขกมาด้วยครับ เรามี ปานจากสาย129  และมี ทร อยุธยารอบเช้า  มากับพวกเราด้วย เมื่อรถเมล์วนมาถึงเส้นลาดพร้าว ตรงปากซอยลาดพร้าวซอย 1 ก็บังเอิญเจอกับกลุ่มศิลปกรรมพอดี และก็เป็น ซูลู207 ที่โหนอยู่ด้านนอก กระโดดลงไปปล่อยหมัดก่อน จนเด็กศิลปกรรมทรุดลงไปกองผมจึงเข้าไปซ้ำที่ปลายคางจนเพื่อนต่างสถาบันนั้นหลับไป แมงวันแม่กลอง กับเก่งดำเนิน ก็ลงมาแลกหมัดกับศิลปกรรมและระหว่างชุลมุนนี่เอง หลวงพ่อคงวัดบางกระพ้อมของแมงวันก็หลุดจากคอไป  เป็นอันต้องปลดระวางอย่างเป็นทางการของหลวงพ่อคงวัดบางกระพ้อมต่อเพื่อนผม แมงวันแม่กลองนับแต่วันนั้น    ในงานเดียวกัน ปาน129และ ทรอยุธยาก็เกมส์ครับ เมื่อมีสายตรวจจาก สน.พหลโยธิน ขับมอเตอร์ไซค์มาเจอพอดี และล็อคเพื่อนผมสองคนนี้ได้ สุดท้ายลงเอยโดนปรับไป 2000 บาท 

อ้อ...เกือบลืมครับ มีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เล่าไม่ได้เพราะเป็นดั่งโลโก้ของ BU207 เมื่อทุกๆครั้งที่เราเล่นงานคู่ต่อสู้จนไม่ได้สติ ก็จะเป็นปกตินะครับ  ที่เพื่อนรักของผม เจ้าชายกบ จะทำหน้าที่เก็บงานด้วยสันดานเดิมครับ  และครั้งนี้ ไอ้เจ้าชายกบ ก็หยิบเก้าอี้จากร้านอาหารตามสั่งที่ป้ายรถเมล์นั้น ฟาดลงไปกลางกบาลเลือดนองอีกเช่นเคยครับ เป็นอันเอวังครับ

เอ้า...เกือบลืมบอก ทุกท่านไปอีกข้อ ในปัจจุบัน แมงวันแม่กลองได้เชิญหลวงพ่อวัดบ้านแหลมขึ้นคอแทนอย่างเป็นทางการแล้ว แทนหลวงพ่อคงวัดบางกะพ้อมที่สูญหายไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้วนะครับ

แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นแฟนๆผมที่เข้ามาอ่านกันก็อย่าคิดว่า มีของดีแล้วคุณพระคุณเจ้าท่านจะคุ้มครองเราได้ตลอดจนเกิดความประมาทในการใช้ชีวิตนะครับ  ดูอย่างเพื่อนผม เก่งดำเนิน ผ่านประสบการณ์ร่วมกันมาตั้งเท่าไหร่แล้ว  ท่านดูกันซิครับ  เมื่อวันที่จบจาก BU ออกไปแล้ว  เตี่ยของเก่งดำเนิน ก็ยังให้ หลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ มาขึ้นคอเพิ่มอีกองค์  รวมเป็น 4-5 องค์อยู่บนคอ ก็ยังเอาไม่อยู่เลยครับ  เมื่อถึงคราว แค่นั่งรถ และก็มีคนขับให้เพื่อความปลอดภัยแล้ว  ก็ยังประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตเลยครับ  เตี่ยของเก่งดำเนินเสียใจมาก ถึงกับสบถออกมาว่า พระทั้งคอ ยังช่วยลูกกูไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้กูจะเชื่ออะไรดี

ครับ....คนเราเมื่อถึงคราวต้องไป  พระดีแค่ไหน ก็คงช่วยไม่ได้จริงๆครับ  และเมื่อเล่าถึงเพื่อนรักของผม ผมก็ขอแสดงความเสียใจ ต่อ เตี่ย แม่ และลูกแก้ว เมียขวัญของ เก่งดำเนิน เพื่อนรักของผมอีกซักครั้งนะครับ “”””””””

ตามสไตล์ของผม ไอ้ครั้นจะเล่าโดยไม่ได้ทิ้งอะไรให้ท่านเอาไปใช้ได้ต่อ ก็ดูจะไม่ใช่ตัวตนของผม ว่าแล้วเรามาลองตรวจสอบกันดูดีกว่ามั๊ยครับว่า เครื่องรางของขลังต่างๆที่พวกเราต่างหามาเพื่อไว้คุ้มครองภยันตรายต่างๆ นี่มันมีมานานแค่ไหนแล้ว!

********************************************************************************

......เท่าที่ผมพอจะหาข้อมูลมาได้ จริง ๆ แล้ว เครื่องรางของขลังนั้นมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล ครั้งที่พระองค์ซึ่งหมายถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ทรงประทานเส้นพระเกศาให้พ่อค้าสองพี่น้องที่เป็นอุบาสกคู่แรกในโลกได้นำไปบูชา นั่นก็เป็นของขลังเหมือนกัน สิ่งที่เป็นเครื่องรางของขลังนั้นเปรียบเสมือนของที่เป็นตัวแทนบุคคลที่เราเคารพบูชา ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกนึกถึงคุณความดีของบุคคลนั้น ๆ ปัจจุบันนี้คนเราสร้างพระเครื่องของขลังขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน แต่เรามักลืมนึกถึงคุณความดีของเครื่องรางของขลังอันนั้น ถึงแม้จะเป็นของจริงของแท้ก็ตาม แต่ถ้าเราไม่มีศรัทธาไม่มีความเชื่อระลึกนึกถึงคุณความดีและกระทำความดีด้วย ของแท้ก็อาจจะไม่แท้ ของขลังก็อาจไม่ขลังได้  ดังมีเรื่องเล่าของเครื่องรางของขลังเอาไว้ให้ได้คิดกันว่า.....

ในสมัยที่ไทยยังรบกับพม่า ซึ่งสมัยนั้นเป็นธรรมเนียมว่า.. ก่อนที่จะออกรบทำศึก พวกทหารก็มักจะไปวัด ไปหาหลวงพ่อวัดดังๆทั้งหลายในยุคนั้นๆ ก็เพื่อทำการลงยันต์บ้าง  ขอเครื่องรางของขลังเพื่อเป็น ศิริมงคลป้องกันภัยในการออกรบบ้าง ซึ่งพระท่านก็จะทำพิธีปลุกเสกให้ เพื่อยึดเหนี่ยวจิตให้ทหารเข้มแข็ง  ในวันออกรบวันนั้นปรากฏว่า..ทหารไทยมีจำนวนน้อยกว่าทหารพม่ามาก จึงพากันถอยทัพไปก่อน  แต่มีนายทหารคนหนึ่งซึ่งหนีไม่ทัน ตกอยู่ในภายใต้ข้าศึก ที่ล้อมรอบตัวเขากว่าร้อยนาย  เขาเหลียวดูศัตรูที่แวดล้อมตนก็หวั่นๆใจ แต่เหลือบไปเห็นตะกรุดที่ห้อยอยู่ที่คอของตน ก็ให้มีกำลังขึ้นมา  นึกถึงพรที่หลวงพ่อให้มาก่อนออกรบ  และเชื่อว่าสิ่งนี้นี่แหละจะช่วยให้รอดพ้นจากศัตรูได้  เมื่อคิดดังนั้นแล้วก็วางดาบจับตะกรุดประนมมือขึ้นเหนือเศียรพร้อมปรารถนาว่า ขอให้คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณหลวงพ่อ พระคุณคุณพ่อคุณแม่ ช่วยลูกแก้วด้วยเทอญ โอมเพี้ยง..  แล้วจับดาบลุกขึ้นสู้ด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว

                แต่ในขณะสู้กันอย่างโกลาหลนั้น เขาก็พลาดท่าล้มลงข้างคันนา เพราะถูกฟันเข้าให้หนึ่งครั้ง ทำให้ตะกรุดที่ห้อยในคอหลุดไป  เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เขาก็ยังจะสู้ให้ถึงที่สุด เขารู้ว่าตะกรุดหลุดจากคอจึงพยายามควานหาว่าอยู่ไหน  ในที่สุดก็หาพบ เขาจับเข้าปากอมไว้เพราะกลัวจะหลุดอีกหายอีก เขาสู้ต่อแต่ปรากฏว่า สิ่งที่อมไว้ในปากนั้นรู้สึกว่าจะกระตุกขึ้นเป็นระยะ เขารู้สึกว่าตะกรุดกำลังสำแดงฤทธิ์แล้ว หรือที่เราเข้าใจกันว่า ของขึ้น


                ด้วยความศรัทธาในตะกรุดเขาจึงสู้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช มีใจห้าวหาญไม่กลัวอันตรายใดๆ  จนในที่สุดเขาก็สังหารฝ่ายข้าศึกไปได้หมด โดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย เขาอุทานขึ้น เดชะบุญแห่งตะกรุดของหลวงพ่อแท้ ๆ ที่ช่วยชีวิตเราไว้ ไม่งั้นเราก็คงจะหามีชีวิตไม่ พูดจบก็คลายเอาตะกรุดที่อมอยู่ในปากของเขาออกมา  แต่โอ้..อนิจจา..คุณพระช่วย ตะกรุดนั้นกลับกลายเป็นเขียดน้อยไปซะนิ  เขายังงง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปได้อย่างไร


เขานั่งคิดไปคิดมา จนนึกได้ว่า ตอนที่ถูกฟันล้มลงนั้นตะกรุดได้หลุดคอไปแล้วตนเองก็คงคว้าเอาเขียดน้อยเข้าปากไปแทน  คงเพราะรีบสู้ต่อจึงไม่ได้ดูว่าเป็นอะไร แต่เขาก็เชื่อว่าเขียดน้อยนั้นเป็นตะกรุด โดยเฉพาะตอนที่เขียดมันดิ้น แด่ว ๆ ก็คิดว่า ของขึ้นแล้วโว้ย ทำให้ใจฮึดสู้ จนชนะในที่สุด .


นี่แหล่ะครับ ความเชื่อและความศรัทธาเป็นสิ่งที่มีพลังมากกว่าวัตถุใด ๆ  ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางของขลังใด ๆ ก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่มีความเชื่อศรัทธาในสิ่งที่เราเชื่อหรือในคุณความดีที่มี ก็คงไม่ช่วยอะไรเราได้มากนัก ถึงแม้จะเป็นของดีจากพระเกจิอาจารย์ดัง ๆ ใด ๆ ก็คงไม่ขลัง  แต่ถ้ามีความเชื่อศรัทธาในคุณความดีของพระรัตนตรัย ศรัทธาคุณของคุณครูบาอาจารย์ หรือคุณของพ่อแม่เสียแล้ว แม้ว่าวัตถุที่เราถือครองนั้นจะเป็นของแท้หรือไม่แท้ตามเถิด สิ่งนั้นก็จะกลับกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนกัน เฉกเช่นเดียวกันเจ้าเขียดน้อย ฉันใดก็ฉันนั้น.. ที่สุดขอทิ้งท้ายด้วยข้อคิดที่ว่า

 

 เครื่องรางของขลัง..ฤาจะสู้พลังศรัทธา จงเชื่อในสิ่งที่ทำ และทำในสิ่งที่เชื่อ

 เพียงเท่านั้นปาฏิหาย์ก็เกิดแล้ว.......แล้วพวกคุณล่ะ เชื่อในสิ่งที่ทำแล้วหรือยัง?

 

สำหรับวันนี้ ที่นี่....สวัสดี

จากใจ
เล็ก 207

 

    อย่าคิดและเชื่อว่าผมนั่งอยู่คนเดียวในความมืด เพียงเพราะคุณเห็นและอยากให้เป็นเช่นนั้น

 

*************************************************************************************************************************
ขอขอบพระคุณ ข้อมูลจาก แมงวันแม่กลอง  และมหาน้อย...ศิษย์พ่อโต ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น