วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องสั้น ตอนที่ 2 - ลูกสาวเจ้าพ่อ


ลูกสาวเจ้าพ่อ
โดย เล็ก 207



จะมีซักกี่คนที่เคยลิ้มรสคมมีดแบบแลกกันทีต่อทีในนาทีวัดใจ   และจะมีซักกี่คนที่โดนหน้าสามฟาดกบาลจนกระโหลกยุบแล้วยังสู้ต่อ  และจะมีซักกี่คนที่โดนพายุกระสุนจนเกลี้ยงโม่ แต่กลับกลายเป็นคนยิง ที่ต้องวิ่งหนีตาย เมื่อหมดมุก......  

คืนวันสงกรานต์ปีพุทธศักราช 2545 หลังจากผมพ้นจากสภาพนักเรียนอาชีวะมาได้กว่า 10 ปีแล้ว  แต่ผมยังคงสถานะนักเลงคุมซอย ต่อจากพ่อและพี่ชาย ที่เดินเส้นทางเดียวกัน ถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น และในปีนี้ก็ถือเป็นปีสุดท้าย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจต้องละทิ้งเส้นทางที่สุดแสนจะจำเจและน่าเบื่อหน่ายนี้  เพราะมองไม่เห็นว่าการเป็นนักเลงคุมซอยจะทำให้ชีวิตผมดีขึ้น  ในขณะที่โลกมันหมุนเร็วมาก โทรศัพท์บ้านเริ่มไม่เป็นที่นิยม  มือถือเครื่องเล็กนิดเดียว ถ่ายรูป และบันทึกวิดีโอภาพพร้อมเสียงได้ เด็กมัธยม หรือแม้แต่ประถม ต่างมีโทรศัพท์มือถือที่ว่า  เด็กสาวไม่นิยมนักเลงคุมซอยแล้ว เมื่อมีเด็กแว้น พาซิ่งทุกคืน  ส่วนเด็กที่หน้าตาดีหน่อยก็มีรถหรูมารับออกไป....... แน่นอน ผมกำลังจะกลายเป็นคนตกยุคแล้ว

เป็นประจำทุกปี ที่ผมในฐานะของพี่ใหญ่ ของวัยรุ่นกว่า 100 ชีวิต ในซอยและละแวกใกล้เคียง  จะเปิดบ้านเพื่อให้น้องๆทั้งหลาย ชายหญิง ได้มารวมตัวเล่นน้ำวันสงกรานต์ที่หน้าบ้านผม  ซึ่งผมจะเตรียมพร้อมเอาไว้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำประปาที่เปิดรอไว้ตลอด 24 ชั่วโมง อาหารการกิน เหล้า-ยา-ปลา-ปลิ้ง พร้อมสรรพ  เพื่อให้รุ่นน้องๆได้เล่นสงกรานต์กันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องยั้ง  ภายใต้การดูแลของผม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร อันธพาล ผมดูแลให้ทั้งหมด  น้องๆที่เล่นสงกรานต์หน้าบ้านผม  ล้วนได้เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เต็มที่ 3 วัน 3 คืน และเป็นอย่างนี้มาตลอด 4-5 ปีหลังจากผมรับช่วงต่อจากพ่อและพี่ชายของผม

ในทุกๆวัน ระหว่างการสนุกสนานกับการเล่นน้ำสงกรานต์  เพลงของวงแบล็กเฮด ถูกเปิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก โดยน้องๆวัยรุ่นในซอยที่ทำหน้าที่เป็นดีเจ  ผมก็ค่อนข้างประหลาดใจว่าใครกันที่เป็นผู้เริ่มต้นดัดแปลงเนื้อร้องของเพลงเค้า  ทำไม มีคำว่า เยสสสเหี๊ยอยู่ในเนื้อเพลงของ วงแบล็กเฮด ในเพลงชื่อ เพียงกระซิบด้วย    แต่ซึ่งจะว่าไป มันก็มีสีสันจะเข้ากันได้ดี!   

เด็กวัยรุ่นชาย-หญิง มารวมตัวกันที่หน้าบ้านผม ไม่ต่ำกว่า 150 ชีวิต  เสียงเพลงก็กระหึ่ม  บรรยากาศก็ ชุมฉ่ำ เย็นฉ่ำ เปียก แฉะ กันไปทั่ว ด้วยน้ำเย็นที่สาดออกมา ทั้งจากถังน้ำ และจากปืนฉีดน้ำกระบอกโต จากหลังรถกระบะ ที่แวะเวียนกันมาเล่นสาดน้ำกันไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน  ดินสอพองทำกันมาเป็นถัง ทั้งปะทั้งแปะ บ้างเลยเถิดไปถึงล้วง ควัก สารพัด ก็พลอยวุ่นวาย ชุลมุนกันอยู่ไม่น้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานครับ

ตัวผมเอง จะนั่งอยู่ด้านในสุด กับกลุ่มเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกัน  นั่งดื่มกิน กันตามประสารุ่นโตกว่า ต้องคอยดูแลรุ่นน้อง  แม้จะต้องทำให้พะวงในการดื่มบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ แวดล้อมผมนั้นก็เต็มไปด้วยมือดีทั้งนั้น ต่อให้ผมเมาร่วงไป คนที่เหลือก็น่าจะคุมสถานการณ์ได้ไม่ยากเย็น

ท่านผู้อ่าน ที่เป็นแฟนๆผม ส่วนใหญ่ ท่านน่าจะนึกภาพออกจากการบรรยาย บรรยากาศภาพข้างต้น  ซึ่งก็เหมือนกับบรรยากาศงานสงกรานต์ทั่วไป  แต่หากท่านยังนึกภาพตามไม่ทัน ท่านก็ลองนึกไปถึงภาพข่าวทางทีวี ตามรายงานเหตุการณ์งานสงกรานต์จากแหล่งชุมชนทั่วประเทศ ถนนข้าวสาร  ข้าวเหนียว  ข้าวปุ้น อะไร ทั้งหลายแหล่  บรรยากาศจะเหมือนๆกันหมดครับ หน้าบ้านผมก็นับเป็นจุดใหญ่ในการเล่นสงกรานต์ในกรุงเทพฯ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาสาดน้ำกัน   และในช่วงการเล่นสงกรานต์ทั้ง 3 วัน 3 คืน หน้าที่หลักของผมนอกจากจะ เล่นสงกรานต์ กินเหล้า และดูแลน้องๆแล้ว  ผมก็ยังต้องทำหน้าที่กรรมการห้ามมวยบ้าง  ทำหน้าที่ผู้พิพากษาเป็นศาลเตี๊ยคอยตัดสินความบ้าง  ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยรีดไถ คอยรีดไถเอาค่าเหล้าค่าเบียร์จากพวกบ้างานในซอยบ้าง ทำหน้าที่เจรจากับตำรวจบ้าง  แต่ก็ไม่คิดว่า วันนึงจะต้องทำหน้าที่ตามล่าแก๊งค์ล่อลวงลูกสาวเจ้าพ่อ ในวันมหาสงกรานต์แบบนี้ ........

พี่วุธเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ผมนับถือมากคนนึง  พี่วุธจบการศึกษาจากช่างกลบางซ่อน และมีอายุมากกว่าผมประมาณ 10 ปี   พี่วุธ พักอยู่บ้านในบริเวณใกล้เคียงกับผม  และจัดเป็นหนึ่งในมือดีที่พ่อผมไว้ใจ   พี่วุธ มีบุคคลที่โดดเด่น ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาเข้าขั้นพระเอกหนัง  มีหนวดเข้ม  นัยย์ตาคม  พูดน้อย และมีเสน่ห์ จึงเป็นที่ถูกใจ สาวน้อย สาวใหญ่ ในละแวกบ้าน  ซึ่งผมได้เห็นวุ่นวายเพราะเรื่องนี้ก็หลายหน     ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ต้องบอกว่า พี่วุธ นั้นจัดเป็นระดับผู้นำ ที่คนอื่นๆให้ความเกรงใจ    ในช่วงที่ผมยังเป็นนักเรียนบุรณพนธ์  พี่วุธ มักสอนผมเสมอว่า ขึ้นชื่อว่า เสือ นั้น แม้แต่เวลาจะกินก็ยังต้องระวังตัว  ห้ามไม่ให้ผมนั่งหันหลังออกนอกถนนเด็ดขาดไม่ว่าจะกินข้าว กินเหล้า หรือแม้แต่นั่งคุยเล่นเฉยๆก็ไม่ได้    แต่ผมก็ไม่เคยเลยซักครั้งที่จะฟัง  วัยรุ่นใจร้อนอย่างผม ทฤษฏีนี้ใช้ไม่ได้   ผมมักนั่งหันหลังออกนอกถนนเสมอและก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่มีการระวังภัยใดๆทั้งสิ้น  ในยุคเรา หรือยุคของพวกเรา (ทั้งคุณๆที่กำลังอ่านเรื่องราวของผมและตัวผม)  ถ้าศัตรูเข้าเล่นงานเราทางด้านหลัง  พวกมันเหล่านั้นก็หมดคุณค่าในตัวมันเองอยู่แล้ว  ถ้าเอาเราไม่หลับ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เราต้องปราณี   ตรงกันข้ามหากศัตรูไม่ทำร้ายเราทางด้านหลัง เค้าก็มีคุณค่าพอที่เราจะเลือกวิธีแบบลูกผู้ชายตัดสินกัน  ซึ่งผมก็เชื่อว่าพี่น้องชาวบุรณพนธ์ของผมที่นี่และทุกคนทุกรุ่นล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น

ยังไงก็แล้วแต่ พี่วุธ ได้พยายามใช้ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดจากช่างกลบางซ่อนเพื่อสั่งสอนรุ่นน้องที่ก้าวร้าวอย่างผม   พี่วุธ นั้นจัดเป็นคนที่เก่งในการเอาชนะศึกได้โดยไม่ต้องรบ  อาจจะเพราะด้วยบุคลิกที่นิ่ง  จึงทำให้คนยำเกรง  หรืออาจเป็นคนในลักษณะที่คาดเดายาก  จึงทำให้  พี่วุธ ไม่เคยพลาดท่าเสียทีให้ใครเลยในช่วงชีวิตวัยรุ่น แต่ที่แน่ๆ พี่วุธ มักจะให้เกียรติทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะอายุน้อยกว่าหรือแม้แต่ศัตรู!  

พี่วุธ ในวัย 40 กว่าๆ  ในขณะนั้น และตอนนี้ก็น่าจะ 50 กว่าๆแล้ว   พี่วุธ ฮีโร่ ในลำดับต้นๆในชีวิตผม  ก็ทำให้ผมได้ปลื้มอีกครั้ง เมื่อพี่วุธแวะเข้ามาหาผมที่บ้าน  หลังจากที่พี่วุธย้ายออกจากซอยไปอยู่ต่างจังหวัดหลายปี  และในวันนั้นผมก็เมาเต็มคราบแล้ว  ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นอีกเป็นร้อยชีวิต ที่เมามาย เต้นสะเปะสะปะ มั่วซั่วไปหมด ตามเสียงเพลงตูมๆ ที่เปิดกันทั้งวันทั้งคืน 

พี่วุธ ในวัย 40 กว่าๆ (ขณะนั้น)  ดูแก่ลงไปมากพอสมควร  กลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยความทุกข์   พี่วุธ  มีลูกสาว ที่เข้าวัยสาวแล้วและด้วยพฤติกรรมในอดีตของคุณพ่อ  ลูกสาวจึงมีพฤติกรรมที่สุดแสบสันไม่แพ้กัน  เรื่องตบตีนี่จัดให้ทั่วราชอาณาจักร  เรื่องหนุ่มๆนี่ก็ไม่ต้องสืบ  อยากได้อะไร อยากได้ใคร ก็ต้องได้  สมกับเป็นลูกสาวเจ้าพ่อ   ผมเองก็ไม่สนิทกับลูกของพี่วุธ  แต่เท่าที่ พี่วุธ นั่งปรับทุกข์ให้ฟัง ก็พอจะนึกภาพออก   และที่สุด พี่วุธ ก็สารภาพกับผมว่า 

เล็กน้องรัก...วันนี้ พี่มาขอความช่วยเหลือ  พี่วุธ เริ่มก่อน

มีอะไรให้ผมช่วยครับพี่ บอกผมมาได้เลยครับ ผมยินดีทำทุกอย่าง พี่สั่งผมมาได้เลยครับ ผมน้องพี่ ไม่เปลี่ยนแปลง  ผมตอบ
เฮ้ย! ลูกสาวพี่โดนฉุดมาว่ะ  เด็กซอยฝั่งตรงข้ามไม่รู้ลูกใคร พวกมันฉุดลูกสาวพี่มา  พี่วุธว่าต่อ.....ไอ้เด็กสมัยนี้ มันไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มันไม่เกรงใจพี่เลย มันหักหน้าพี่มาก!  พี่เองก็เกรงใจเล็กนะ รู้ว่า ไม่ค่อยว่าง แต่พี่จนปัญญาแล้ว พี่พาพรรคพวก ไปตามลูกที่บ้านไอ้เด็กเมื่อวานซืนแล้ว  แต่เด็กมันไม่ยอมคืนลูกสาวให้พี่  พี่กะว่าจะแจ้งตำรวจ  แต่พี่เปลี่ยนใจ พี่อยากให้ไอ้เด็กพวกนี้ มันรู้จักพี่ดีกว่านี้   เล็กพร้อมจะช่วยพี่มั๊ย?”

ผมประหลาดใจมากที่ พี่วุธ พูดออกมาทั้งหมดนี้  / พี่วุธ ที่ผมรู้จัก ไม่มีทางยอม ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้แน่นอน  และนี่เกิดอะไรขึ้น พี่วุธ ที่ผมรู้จักหายไปไหน!    ทำไมปล่อยให้ไอ้พวกเด็กเวรที่ไหน มาฉุดลูกสาวของตัวเองได้ แล้วเมื่อไม่อยากแจ้งความ  ทำไมไม่ถล่มบ้านมันซะเลยล่ะ ลูกน้องก็มีมาก ทำไมต้องมาหาผม เพราะ พี่วุธ กำลังทำลายความศรัทธาที่ผมมีให้มาตลอดชีวิต ลอยเป็นฝุ่นปลิวหายไปต่อหน้าต่อตาเลย

และประโยคที่ พี่วุธ พูดกับผมทั้งน้ำตา ก็จำเป็นที่ผมจะต้องลงมือช่วย  ถ้าเล็ก ยังไม่มี ลูก  เล็ก ไม่มีวันเข้าใจ หัวอกคนเป็นพ่อ อย่างพี่หรอก พี่ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนก่อนแล้ว.......

ถึงผมจะยังไม่เข้าใจความหมายที่ พี่วุธ พูดชัดเจนนัก แต่ผมก็จำเป็นต้องช่วย และการช่วยเหลือ พี่วุธ อดีตผู้กว้างขวาง ในครั้งนี้  ก็จะเป็นการลบชื่อ พี่วุธ ออกจากทำเนียบนักเลง ในพื้นที่นี้อย่างถาวร (ผมเชื่อว่า แม้ผมจะไม่อธิบาย แฟนๆท่านที่อ่านเรื่องราวของผมมาตลอด  ก็น่าจะเข้าใจว่า ทำไม? เพราะถึงนาทีนี้ ในปี 2555 นี้  แม้แต่ชื่อผมเองก็น่าจะถูกลบออกจากทำเนียบนักเลงดัง ในย่านบ้านเกิดผม โดยเด็กยุคใหม่หมดเรียบร้อยแล้ว – ไว้โอกาสต่อๆไปจะเล่าให้ฟัง เรื่องความพยายามที่จะลบชื่อของผมออกจาก 207 โดยคนกันเอง เมื่อ 20กว่าปีก่อน)

ผมในขณะนั้น  เมาได้ที่แล้ว  ผมบอก พี่วุธ ให้นั่งรอที่นี่ และผมก็ห้ามเพื่อนที่โต๊ะ ห้ามใครตามผมไปเด็ดขาด   ตอนนี้ผมทราบแล้วว่า เด็กคนไหน ฉุดลูกเพื่อนรุ่นพี่ของผมไป  ผมพยายามเดินให้ตรงและเร็วที่สุด   ก่อนที่ไอ้พวกลูกน้องผมทั้งหมดจะทราบเรื่อง เพราะผมอาจคุมไม่อยู่  วัยรุ่นที่เมาในระดับนั้น และด้วยจำนวนกว่าร้อยคน นี่อาจเป็นเรื่องใหญ่!  

เมื่อผมเดินถึงหน้าบ้านหลังที่ว่า  ผมตะโกนเรียกคนในบ้านทันที  เรียกกว่า 10 นาที ก็ไม่มีคนออกมาเปิดประตู  จนผมหมดความอดทน ต้องตะโกนว่า ถ้าพวกมึงไม่เปิด  กูจะเผาบ้านพวกมึงเดี๋ยวนี้  ซักพัก ก็มีเด็กวันรุ่น 3-4 คน ถือดาบออกมา   แล้วเรียกผมว่า น้า!  มีอะไรอ่ะน้า  พวกผมไม่เกี่ยวนะ  กลุ่มเด็กวัยรุ่นบอกว่าไม่เกี่ยว แต่มันเสือกถือดาบออกมาจากบ้าน โดยไม่เปิดประตูให้ผมเข้าไป!     ผมบอกพวกมันไปว่า มึงจะให้กูเข้าไปดีๆ หรือต้องให้กูพังเข้าไป – ไปเรียกพ่อ/แม่ มึงออกมา  ครู่เดียวออกมาทั้งบ้านเลยครับ  พร้อมลูกสาวเพื่อนรุ่นพี่ผม  เด็กสาวนั้นรู้จักผม เรียกผมว่า น้าเล็ก เดี๋ยวหนู๋กลับเอง บอกพ่อด้วย    ผมมึนเลย   ไหงพ่อมันบอกโดนฉุด  ตกลงมันโดนฉุดจริงๆ หรือมันสตอร์พ่อมันวะเนี่ยะ  แต่ผมรับงานมาแล้ว ไม่จบคงไม่ได้  ผมพูดประโยคเดียวขาดเลย จะออกมาตอนนี้ หรือจะให้กูเผาพวกมึงพร้อมกันทั้งบ้าน เลือกเอา   ในยุคของผม ในเขตของผม ไม่มีใครที่ไม่รู้จักผม และถ้าผมบอกว่า เผาผมไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่น    ผมจูงมือลูกสาวเพื่อนรุ่นพี่ผมกลับออกมาจากบ้าน โดยมีพ่อ/แม่ ของไอ้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นเดินออกมายกมือไหว้ผม ปลกๆ

พลันที่ผมพาเด็กสาวพ้นบ้านหลังนั้น เข้าสู่ถนนเส้นหลัก เด็กสาวบอกกับผมว่า น้าเล็ก ....... หนู๋ไม่อยากกลับบ้าน น้าเล็ก พาหนู๋ไปที่ไหนก็ได้ หนู๋อยากอยู่กับน้าเล็กเด็กสาวโผเข้ามากอดผม!  แม้ผมจะมีประวัติไม่สู้ดีนัก ในเรื่องนี้ แต่ผมไม่มีวันทำอะไรแบบนี้กับคนที่ผมนับถือแน่นอน ..........

เมื่อผมส่งต่อ ลูกสาวให้พ่อ   พี่วุธ ผู้พ่อก็เริ่มลงมือตบตีลูกอย่างรุนแรง ตีจนเกินพอดี ตบหน้าซะเลือดกลบปาก เด็กทั้งร้องทั้งไหว้ พ่อก็ไม่หยุด  จนผมสับสนตัวเองไปหมดว่า นี่กูทำถูกต้องแล้วหรือเปล่าวะเนี่ยะ   นอกจะต้องไปเสี่ยงตายตามลูกคนอื่นกลับมาส่งถึงมือพ่อเค้าแล้ว ผมต้องทำหน้าที่อย่าศึกระหว่าง พ่อ-ลูก คู่เดียวกันนี้อีกครั้ง  แล้วผมก็บอกกับตัวเองว่า ผมพอแล้ว  ต่อแต่นี้ผมจะไม่ช่วยใครอีกแล้ว   ด้วยความโมโห สติผมก็เริ่มจะแตก ผมหยิบเอาขวดแม่โขงฟาดลงโต๊ะเหล้าดัง เพล้ง!!!!”  

ในทันที ขวดแตกเป็นปากฉลาม แก้วเหล้าแตกละเอียด กับแกล้ม จานชามแตกกระจุยกระจาย  ดนตรีก็เงียบ  คนเงียบ  พ่อ-ลูก ก็เงียบ  ผมสั่งเลิกงานเดี๋ยวนั้นเลย  กลับบ้านไอ้เหี๊ย....ต่อจากนี้กูไม่เปิดบ้านให้พวกมรึงมาแดกกันแล้ว ใครก็ช่าง ต่อจากนี้ไม่ต้องมาหากูอีก........................

นึกย้อนกลับไป เมื่อวันเก่า ผมเองก็ไม่ต่างไปจากพี่วุธ  ทั้งเรื่องชกต่อย  ตีรันฟันแทง  เอาหมดทุกอย่าง เหล้า-ยา ไม่เคยขาด ผู้หญิงก็ไม่เคยเว้น  และ จะมีซักกี่คนที่เคยลิ้มรสคมมีดแบบแลกกันทีต่อทีในนาทีวัดใจ   และจะมีซักกี่คนที่โดนหน้าสามฟาดกบาลจนกระโหลกยุบแล้วยังสู้ต่อ  และจะมีซักกี่คนกันที่โดนพายุกระสุนจนเกลี้ยงโม่ แต่กลับกลายเป็นคนยิง ที่ต้องวิ่งหนีตาย เมื่อหมดมุก  ทั้งหมดผมผ่านมาหมดแล้วในช่วงชีวิต ทั้งที่ช่างมีนฯและบุรณพนธ์  ไม่เคยซักวินาทีเดียวที่ผมจะรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งเหล่านั้น   แต่ถึงนาทีนี้สิ่งเดียวที่ทำให้ผมกลัวและสาบานว่าไม่อยากเจอตลอดชีวิต.........  

 

คือ การมีลูกสาว  และต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับ พี่วุธ”!!!!!!

 

******************************************************************************************************** 

ติดตามอ่านเรื่องสั้นของผมได้ที่นี่ที่เดียว ในทุกๆคืนวันอาทิตย์ สำหรับวันนี้ ... ที่นี่ ....สวัสดี

จากใจ
เล็ก 207
 
 

     อย่าคิดและเชื่อว่าผมนั่งอยู่คนเดียวในความมืด เพียงเพราะคุณเห็นและอยากให้เป็นเช่นนั้น
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น